-
นาฬิกาดำน้ำ 150 เมตร แบบแรกของญี่ปุ่น
นาฬิกาดำน้ำแบบแรกของญี่ปุ่น เป็นนาฬิกาดำน้ำกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ การเปิดตัวของรุ่นนี้คือเครื่องมือของไซโกในการแสวงหาความเชื่อมั่นและความปลอดภัยที่ดีเลิศยิ่งขึ้นให้กับนาฬิกาดำน้ำรุ่นต่อไปในอนาคต ใน ค.ศ. 1966 นาฬิกาได้รับการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในภารกิจการสำรวจวิจัยแอนตาร์กติกของญี่ปุ่นครั้งที่ 8
-
นาฬิกาดำน้ำ 300 เมตร ที่มาพร้อมกลไก ไฮ-บีท ความถี่สูง (การแกว่ง 10 ครั้งต่อวินาที) ที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลก
นอกจากการเพิ่มจำนวนการแกว่งของจักรกลอกแล้ว ไซโกยังนำระบบขับเคลื่อนแบบใหม่มาใช้ด้วย โดยเป็นกลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่สามารถขึ้นลานด้วยมือได้ เรือนเวลารุ่นนี้ใช้กลไก ไฮ-บีท ความถี่สูง (การแกว่ง 10 ครั้งต่อวินาที) แบบแรกของญี่ปุ่น จึงมั่นใจได้ในความเที่ยงตรงแม่นยำตราบเท่าที่นาฬิกาดำน้ำ 300 เมตรรุ่นนี้ถูกสวมใส่
-
นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ กันน้ำได้ 600 เมตร ตัวเรือนไทเทเนียม แบบแรกของโลก
รุ่นนี้มาพร้อมคุณสมบัติระดับโลกทั้งด้านการกันการผุกร่อน ต้านทานความสะเทือน และตัวเรือนแบบสุญญากาศ นอกจากนี้ยังใช้สายโพลียูรีเทนรูปแบบหีบเพลงแอคคอร์เดียนซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้มีน้ำหนักเบา อีกทั้งนาฬิกาดำน้ำ 300 เมตร ยังได้รับสิทธิบัตรสำหรับองค์ประกอบภายนอกของตัวนาฬิกาถึงกว่า 20 สิทธิบัตร
-
โปรเฟสชันแนล ไดเวอร์ส 600 เมตร นาฬิกาดำน้ำลึกแบบแรกของโลกที่ใช้กลไกควอตซ์
-
นาฬิกาดำน้ำ 150 เมตร ชนิดไฮบริดแบบแรกของโลก โดยมากับกลไกตั้งปลุกและจับเวลา
นาฬิกาดำน้ำ 150 เมตร ชนิดไฮบริด มาพร้อมกับระบบตั้งปลุก ระบบโครโนกราฟจับเวลา และการแสดงค่าแบบสองภาษา ทั้งยังมีเสียงสัญญาณแบบอิเล็กทรอนิก ทำให้สามารถสื่อสารในขณะอยู่ใต้น้ำได้
-
นาฬิกาดำน้ำ 200 เมตร กลไกควอตซ์ ที่ขายดีที่สุดในโลก
เรือนเวลาที่ทำให้นักดำน้ำไปถึงระดับความลึก 200 เมตรได้ ซึ่งเกินกว่าขีดจำกัด 150 เมตร ของนาฬิกาดำน้ำรุ่นก่อน
-
นาฬิกากันน้ำ 1000 เมตร พร้อมเกราะเซรามิกหุ้มตัวเรือน แบบแรกของโลก
นาฬิกาดำน้ำ 1000 เมตร เป็นนาฬิกาแบบแรกที่ใช้วัสดุเซรามิกสร้างเป็นเกราะหุ้มตัวเรือน น้ำหนักที่เบาและการต้านทานการผุกร่อนของตัวเรือนไทเทเนียมพร้อมคุณสมบัติการกันน้ำอันยอดเยี่ยมของโครงสร้างแบบชิ้นเดียวทำให้นาฬิการุ่นนี้ทนต่อระดับความลึกได้ถึง 1,000 เมตร
-
นาฬิกาดำน้ำระบบคอมพิวเตอร์แบบแรกของโลก
ความเชี่ยวชาญในการสร้างนาฬิกาอิเล็กทรอนิกของไซโก และประสบการณ์อันยาวนานในการสร้างนาฬิกาดำน้ำทำให้ “สคูบา มาสเตอร์” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดน้ำ และเซ็นเซอร์ตรวจวัดความลึก โดยแสดงเวลาของการดำน้ำและระดับความลึกอันเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักดำน้ำ
-
นาฬิกาดำน้ำ 200 เมตร กลไกคิเนติก แบบแรกของโลก; นาฬิกาควอตซ์ที่สร้างพลังงานโดยอัตโนมัติ
ความเที่ยงตรงแม่นยำระดับสูงของระบบควอตซ์ที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้ สร้างพลังงานไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติด้วยกลไกแบบคิเนติก การให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและระบบนิเวศทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นสิ่งที่โลกรอคอย
-
“ไดเวอร์ สคูบา” 200 เมตร มาพร้อมเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิน้ำและเครื่องวัดระดับความลึก
เรือนเวลาที่คำนวณระดับความลึกของน้ำและเวลาในการดำน้ำได้ ทั้งยังแสดงบันทึกข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำ และแสดงความกดอากาศ เพื่อประโยชน์ในการใช้งานใต้น้ำ นอกจากนี้นาฬิกายังมากับฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ เช่น นาฬิกาจับเวลา การตั้งปลุก และการแสดงระดับแบตเตอรี่ สำหรับการใช้งานบนบกด้วย
-
นาฬิกา คิเนติก สคูบา มาสเตอร์ 200 เมตร ที่มาพร้อมเข็มแบบ 24 ชั่วโมง แบบแรกของโลก
นาฬิกาดำน้ำกลไกคีเนติก ที่มีเข็มแบบ 24 ชั่วโมงเพื่อให้ง่ายต่อการปรับตั้งความแตกต่างของเวลา และไม่ต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใดๆ ตัวเรือนของรุ่นนี้ใช้วัสดุไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูงเพื่อเพิ่มความทนทานและการต้านทานความสะเทือน
-
นาฬิกา สคูบา มาสเตอร์ 200 เมตร แบบแรกของโลก ที่มากับเครื่องวัดระดับความลึกชนิดอนาล็อกซึ่งเป็นการคำนวณโดยอัตโนมัติ
เมื่อเรือนเวลาอยู่ในโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ นาฬิกาจะตรวจจับระดับน้ำและความดันของน้ำ และเริ่มคำนวณหาข้อมูลที่จำเป็น นาฬิการุ่นนี้ไม่เพียงแสดงผลการคำนวณระดับความลึกและเวลาในปัจจุบันบนหน้าจอเท่านั้น แต่ยังแสดงบันทึกข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำและการแจ้งเตือนต่างๆ ด้วย
-
นาฬิกาดำน้ำคอมพิวเตอร์ เรือนเวลาแบบแรกของโลกที่ให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
การเพิ่มประสิทธิภาพระดับสูงให้กับนาฬิกาดำน้ำ 200 เมตร นาฬิกาดำน้ำคอมพิวเตอร์แสดงประวัติข้อมูลการดำน้ำได้โดยการบันทึกระดับความลึก ณ ขณะปัจจุบันที่นักดำน้ำอยู่ และสามารถใช้งานในการดำน้ำแบบไนทรอกซ์ได้
-
นาฬิกาดำน้ำ 600 เมตร กลไกสปริง ไดรฟ์ แบบแรกของโลก
เรือนเวลาที่มากับเทคโนโลยี สปริง ไดรฟ์ ของไซโก ซึ่งทำให้นาฬิกาที่ทำงานด้วยสปริงลานชุดเดียว ทำงานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำด้วยระดับความคลาดเคลื่อนเพียงหนึ่งวินาทีต่อวัน ทั้งยังใช้วัสดุไทเทเนียมความหนาแน่นสูงอันแสนทนทาน และกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ อีกด้วย นาฬิกาดำน้ำสำหรับมืออาชีพรุ่นนี้ทนต่อการดำน้ำได้ถึงระดับความลึก 600 เมตร
ความก้าวหน้าของนาฬิกาดำน้ำไซโก
เปิดตัวในปี 1965
นวัตกรรมนาฬิกาดำน้ำของไซโก คือสิ่งที่เหล่านักดำน้ำและนักผจญภัยทั่วโลกเลือกใช้ นาฬิกาดำน้ำของไซโก
ได้กลายเป็นมาตรฐานของโลกซึ่งเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึง 50
ปี ประวัติศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังของเรือนเวลาเหล่านี้เป็นอย่างไร
จดหมายฉบับเดียวนำไปสู่นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพแบบแรกของโลก
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นด้วยจดหมายฉบับหนึ่งจากนักดำน้ำมืออาชีพในจังหวัด ฮิโรชิมา ของประเทศญี่ปุ่น นักดำน้ำท่านนั้นอธิบายว่า ในระดับความลึกมากกว่า 300 เมตร ที่ดำดิ่งลงไปด้วยการใช้แคปซูลดำน้ำและเทคนิคการดำน้ำลึกนั้น นาฬิกาส่วนใหญ่จะเกิดความเสียหาย เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องนี้ ไซโก ได้จัดตั้งทีมงานพัฒนาขึ้นมาใหม่ทีมหนึ่ง หลังจากทำการวิจัยพัฒนามาเป็นเวลาหลายปี นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพที่สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 600 เมตร พร้อมตัวเรือนไทเทเนียม แบบแรกของโลกก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา
1 ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาดำน้ำไซโก
2 ตำนานที่ได้รับการสืบสาน
ด้วยประวัติศาสตร์และนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมที่ดำเนินมาถึงครึ่งศตวรรษ นาฬิกาดำน้ำของไซโกได้ถูกผู้คนทั่วโลกนำไปใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรือนเวลาเหล่านี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าคู่ควรกับความหนักหน่วงของสภาพแวดล้อมในหลากหลายรูปแบบ และได้รับการชื่นชมจากเหล่านักดำน้ำระดับมืออาชีพ
ได้รับความเชื่อถือจากการถูกใช้งานในการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
จาก ค.ศ. 1966 ที่เรือนเวลาได้ถูกนำไปใช้งานใน 4 ภารกิจของทีมสำรวจทวีปแอนตาร์กติกของหน่วยงานระบุพิกัดข้อมูลทางภูมิศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีความสำเร็จของการผจญภัยและการสำรวจมากมาย เช่น การพิชิตเอเวอเรสต์ ที่ใช้นาฬิกาดำน้ำของไซโกในภารกิจ ด้วยการพิสูจน์ตนเองมาเป็นเวลาหลายปีว่าสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมอันหนักหน่วงในหลากหลายรูปแบบได้ นาฬิกาดำน้ำไซโกจึงได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมาก
เหนือความคาดหมายใดๆ ด้วยความสามารถในการกันน้ำถึงระดับความลึก 1062 เมตร
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1983 นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพรุ่นโปรเฟสชันแนล ไดเวอร์ส 600 เมตร จำนวน 2 เรือนถูกติดตั้งไว้บน ชินไก 2000 เรือวิจัยใต้น้ำที่ แจมสเทค (สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลและโลกแห่งญี่ปุ่น) ใช้ปฏิบัติภารกิจ เดิมทีนั้น นาฬิการุ่นนี้ถูกตั้งใจสร้างให้ใช้งานได้ถึงระดับความลึก 600 เมตร แต่นาฬิกาสามารถต้านทานต่อแรงดันน้ำได้จนถึงระดับความลึก 1062 เมตร โดยที่นาฬิกายังคงให้ความชัดเจนในการอ่านค่า คงความแม่นยำ และคงสภาพภายนอกไว้ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ การทดสอบครั้งนี้ทำให้นาฬิกาดำน้ำของไซโก ได้รับความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก แจมสเทค
การกันน้ำ : ความหนาแน่นของอากาศ
ผลลัพธ์ของการดำน้ำอยู่ในระดับความลึก 300 เมตร: ความดันภายในตัวเรือนนาฬิกาของผู้ผลิตรายอื่นๆ (A, B, C) และนาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพของไซโก
เส้นแนวตั้งแสดงถึงความดันภายในตัวเรือนนาฬิกาและเส้นแนวนอนแสดงถึงช่วงเวลา
หลังจากดำลงไปใต้น้ำ ความดันของอากาศภายในตัวเรือนนาฬิกาจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพของไซโก ได้คะแนนผลลัพธ์ดีที่สุดซึ่งเป็นการยืนยันว่ามันแข็งแกร่งเพียงพอต่อการใช้งานแม้อยู่ในระดับความลึกที่ลึกมากๆ ก็ตาม
การพิสูจน์ถึงการไม่สามารถผ่านได้
สำหรับนาฬิกาดำน้ำแท้ๆ นั้น ก๊าซฮีเลียม คือเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่เสมอ ก๊าซชนิดนี้จะแทรกซึมเข้าไปในกระจก และในบางกรณี ความแตกต่างของแรงดันอากาศด้านนอกและด้านในก็เป็นเหตุที่ทำให้กระจกแตก ในขณะที่บริษัทอื่นๆ มุ่งเน้นไปที่กรรมวิธีในการปล่อยก๊าซฮีเลียมออกจากตัวเรือนด้วยวาล์วปล่อยก๊าซ แต่ไซโก ได้เลือกหนทางที่ต่างออกไป และได้พัฒนากระจกที่ก๊าซฮีเลียมไม่สามารถแทรกผ่านได้ขึ้นมา นี่คือสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใช้กับนาฬิกา ไซโก รุ่น ไดเวอร์ส โปรเฟสชันแนล 600 เมตร โดยใน ค.ศ. 1983 แจมสเทคได้ทดสอบการไม่สามารถซึมผ่านได้นี้ด้วยการนำนาฬิกาดำน้ำหลายเรือนดำดิ่งลงไปที่ระดับความลึก 300 เมตร ผลปรากฎว่า ไซโก ไดเวอร์ส โปรเฟสชันแนล 600 เมตร ได้พิสูจน์ว่าสามารถป้องกันการแทรกซึมของก๊าซฮีเลียมได้ดีกว่านาฬิกาของผู้ผลิตรายอื่นๆ สูงสุดถึงสิบเท่า นี่คือการพิสูจน์ตนเองอีกครั้งของนาฬิกาดำน้ำที่แท้จริง
ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก แจมสเทค
3 นวัตกรรมเทคโนโลยี ความมุ่งมั่นในการแสวงหา ทำให้ไซโก ได้รับความเชื่อถือ
เบื้องหลังของความยอดเยี่ยมที่ทำให้เหล่านักดำน้ำทั่วโลกเลือกใช้นาฬิกาดำน้ำไซโก คือเหล่าวิศวกรเปี่ยมความสามารถผู้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีที่โลกยังไม่เคยพบเจอขึ้นมา นวัตกรรมสำคัญต่างๆ
อย่างการกันน้ำและการไม่สามารถผ่านได้ ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในระดับโลก ตลอดจนฟังก์ชั่นการทำงาน การใช้วัสดุชนิดพิเศษ และรายละเอียดที่แม่นยำของโครงสร้าง จึงเป็นเรือนเวลาที่ถูกสร้างให้มีความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ความมุ่งมั่นและนวัตกรรมเทคโนโลยีของไซโก ทำให้มีสิทธิบัตรมากมายอยู่ภายใต้การถือครองของบริษัท
-
นาฬิกาดำน้ำแบบแรกของโลกที่ใช้วัสดุไทเทเนียม
ไซโก คือผู้ผลิตรายแรกของโลกที่ใช้วัสดุไทเทเนียม ซึ่งมีน้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติต้านทานการผุกร่อน
-
หน้าปัดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพื่อให้มั่นใจถึงความชัดเจนในทุกสภาพการณ์ ไซโก จึงพัฒนาดีไซน์รูปแบบหน้าปัดของตนเองขึ้นมา
-
ปะเก็นรูปทรงตัวแอล ผลสำเร็จระดับโลกในด้านการไม่สามารถซึมผ่านได้
ปะเก็นที่สร้างขึ้นจากวัสดุที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ นำมาซึ่งความสำเร็จนี้
-
วงขอบตัวเรือนแบบควบคุมแรงบิดอย่างแท้จริงของไซโก
วงขอบตัวเรือนแบบควบคุมแรงบิดอย่างแท้จริงนี้ มีความราบรื่น ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน และมีความทนทาน
-
โครงสร้างเกราะชั้นนอกสำหรับปกป้องตัวเรือนแบบแรกของโลก
โครงสร้างเกราะชั้นนอกสำหรับปกป้องตัวเรือนแบบแรกของโลก สร้างความมั่นใจด้านการต้านทานต่อแรงสะเทือนและความมั่นคงของนาฬิกา
-
กลไกนาฬิกา ที่มั่นใจได้ในความชัดเจนและความน่าเชื่อถือ
กลไกควอตซ์ ต้านทานแม่เหล็กที่มั่นใจได้ในความแม่นยำร่วมกับแรงบิดอันทรงพลังทำการหมุนเคลื่อนเข็มนาฬิกาที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
-
สายโพลียูรีเทนรูปแบบหีบเพลงแอคคอร์เดียน แบบแรกของโลก
สายโพลียูรีเทนรูปแบบหีบเพลงแอคคอร์เดียนของไซโก นำมาซึ่งความยืดหยุ่นและคุณลักษณะอันพึงปรารถนาสำหรับการดำน้ำ
-
มั่นใจในความปลอดภัยด้วยเม็ดมะยมแบบเกลียวล็อค ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา
ปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งานด้วยเม็ดมะยมแบบเกลียวล็อค ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา
4 นาฬิกาดำน้ำที่แท้จริง นวัตกรรมเทคโนโลยีของไซโก ได้สร้างมาตรฐานสำหรับนาฬิกาดำน้ำทั้งปวงขึ้นมา
มีผลิตภัณฑ์จากทั่วโลกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่ติดป้ายบ่งบอกว่าเป็นนาฬิกาดำน้ำ แต่มีจำนวนเพียงเล็กน้อยในหมู่เรือนเวลาเหล่านี้ที่สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มืออาชีพต้องการได้
อะไรคือนาฬิกาดำน้ำที่แท้จริง
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ ค.ศ. 1965 ในฐานะนาฬิกาดำน้ำแบบแรกของญี่ปุ่น เหล่าวิศวกรก็ไม่เคยหยุดทำการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ความเชื่อถือที่นาฬิกาดำน้ำของไซโกได้รับนั้นขยายข้ามเขตแดนของประเทศญี่ปุ่นไปสู่ทุกพื้นที่ของโลก ด้วยเหตุนี้ ไซโก จึงสนับสนุนให้เกิดการกำหนดมาตรฐานสำหรับนาฬิกาดำน้ำขึ้น ทั้งในองค์กรมาตรฐานนานาชาติ (ไอเอสโอ) และมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น (เจไอเอส) สำหรับไอเอสโอนั้น ไซโก ได้สนับสนุนให้ทางองค์กรทำการแก้ไขมาตรฐานเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานอย่างแท้จริงของนาฬิกาดำน้ำในท้องทะเลลึก จนนำมาซึ่งมาตรฐาน ISO6425 พร้อมภาคผนวกเกี่ยวกับนาฬิกาดำน้ำสำหรับการดำน้ำแบบก๊าซผสมที่ถูกประกาศออกมาใน ค.ศ. 1996
การแสวงหาความท้าทายและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งของไซโก ได้ขับเคลื่อนให้ทางบริษัททำการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นของแท้อย่างแท้จริง