จาก King Seiko สู่การกำเนิดใหม่ KSK งานออกแบบที่สุดโดดเด่นซึ่งครองใจแฟนๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

King Seiko ถูกนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งในรูปแบบของนาฬิกาที่ผลิตจำกัดด้วยการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่จากดีไซน์ดั้งเดิมเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาจำนวนมากเมื่อปี 2021 ก่อนที่จะกลายมาเป็นคอลเล็กชั่นปกติของ Seiko ในปี 2022 ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่อย่างเต็มรูปแบบบนเส้นทางสู่เรื่องราวบทใหม่ของแบรนด์ แม้นาฬิกาแต่ละรุ่นในปัจจุบันจะได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาต้นฉบับอันโด่งดังที่เปิดตัวในปี 1965 แต่ก็ไม่ได้เป็นงานที่ถอดแบบโดยปราศจากการสร้างสรรค์ใหม่ การกลับมาของ King Seiko ถูกวางให้เป็นเรือนเวลาที่สร้างความพึงพอใจอย่างแท้จริง ด้วยรูปทรงที่เฉียบคมและเหลี่ยมมุมอย่างน่าทึ่ง ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าจะต้องถูกใจคนรักนาฬิกาที่ชื่นชอบความร่วมสมัยที่ใส่ใจในการออกแบบเป็นอย่างยิ่ง


Seiko “King Seiko SJE089”

กลไกอัตโนมัติ (คาลิบเอร์ 6L35), ทับทิม 26 เม็ด, ความถี่ในการทำงาน 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง, พลังงานสำรองประมาณ 45 ชั่วโมง, ตัวเรือนสแตนเลสสตีล (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.6 มิลลิเมตร, หนา 10.7 มิลลิเมตร) ความสามารถกันน้ำ 50 เมตร

การปรากฏตัวอีกครั้งของ “KSK” ในวาระครบรอบ 60 ปีของ King Seiko

การกลับมาถือเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ Seiko ทั่วโลก และการปรากฏตัวในปี 2021 มีขึ้นในวาระของการฉลองครบรอบ 140 ปีในการก่อตั้งแบรนด์ของ Seiko และเพื่อเป็นการฉลองโอกาสพิเศษ นาฬิกาที่เป็นตำนานจากทศวรรษ 1960 จึงได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยเป็นการนำ King Seiko “KSK” มาตีความและออกแบบใหม่ให้มีความร่วมสมัยขึ้น พร้อมความพิเศษเนื่องจากเป็นปีที่มี 2 เรื่องที่ครบรอบช่วงเวลาสุดพิเศษ โดยหนึ่งในนั้นคือ การฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อกำเนิด King Seiko ดังนั้น คนรักนาฬิกาทั่วโลกต่างร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความยินดีกับการกลับมาของชื่อ King Seiko


Seiko “King Seiko “KSK” Recreation Design”

Seiko “King Seiko “KSK” Recreation Design” เปิดตัวในปี 2021 ในรูปแบบของการผลิตจำกัดเพียง 3,000 เรือน สร้างสรรค์ขึ้นจาก KSK รุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปี 1965 โดยรูปลักษณ์ภายนอกถอดแบบมาจากนาฬิการุ่นดั้งเดิม ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณความบางของกลไกอัตโนมัติ 6L35 ตัวเรือนจึงมีความบางเท่ากับรุ่นดั้งเดิมคือ 11.4 มิลลิเมตร โดยกลไกอัตโนมัติ (รหัส 6L35) มี 26 ทับทิม เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรองประมาณ 45 ชั่วโมง ตัวเรือนสแตนเลสสตีล (เส้นผ่านศูนย์กลาง 38.1 มิลลิเมตร และหนา 11.4 มิลลิเมตร) การกันน้ำสูงสุด 5 บาร์ ผลิตจำกัด 3,000 เรือน และถูกจำหน่ายจนหมด

อันที่จริงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2021 ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำนาฬิกา King Seiko มาสร้างสรรค์ใหม่และเปิดตัวสู่ตลาด เพราะในปี 2000 Seiko ได้เปิดตัวรุ่น “56KS” รุ่นปี 1968 ซึ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันประวัติศาสตร์ของ Seiko หรือ Seiko Historical Collection

การเปิดตัวในครั้งนั้นได้รับความนิยมในตลาดอย่างมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งของการทำตลาดของคอลเล็กชั่นอื่นๆ ในตอนนั้นแล้ว Seiko จึงกำหนดให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นความพิเศษที่มาเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น และยังไม่ได้พิจารณาถึงการกลับมาอย่างเต็มตัว

นาฬิกา KSK รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2022 ถือเป็นโมเดลรุ่นปกติ โดยรุ่นผลิตจำกัดที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ถูกสร้างสรรค์ด้วยการถอดแบบมาจากรุ่นดั้งเดิม แต่รุ่นใหม่นี้ก็นำเสนอความร่วมสมัยที่โดดเด่นขึ้นและมาพร้อมกับกลไก 6L ที่มีส่วนในการช่วยกำหนดรูปทรงให้มีความเพรียวบางขึ้น และเปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2023 โดยรุ่นที่ทำตลาดมีทั้งรุ่น SJE089 ที่เห็นในภาพ และอีกรุ่นคือ SJE091 ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีดำ

อย่างไรก็ตาม 20 ปีให้หลัง การออกแบบ KSK ที่ถูกนำกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ก็เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2021 จากชื่อรุ่นที่ใช้แสดงให้เห็นว่า Seiko เลือก KSK ซึ่งเป็นนาฬิกา King Seiko รุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปี 1965 มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ใหม่ในครั้งนี้

คำถามคือ ทำไมถึงเลือกรุ่นที่ 2 แทนที่จะเป็นรุ่นแรก ? เหตุผลก็คือคุณลักษณะที่โดดเด่นของ King Seiko คือรูปร่างที่ผสมผสานเส้นตรงเข้าด้วยกันอย่างเชี่ยวชาญ และในบรรดาโมเดลทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด KSK คือผลงานที่สะท้อนแนวคิดในการออกแบบนี้มากที่สุด

ผลคือการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกับนาฬิกาที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 3,000 เรือน และหลังจากที่ทุกอย่างได้บทสรุปชัดเจน ในปีต่อมาคือ 2022 ราชันย์จึงกลับมาอีกครั้ง และ King Seiko ได้ถูกนำเข้ามาสู่ Seiko ในฐานะคอลเล็กชั่นปกติ ด้วยรุ่นที่ได้รับการออกแบบและผลิตขึ้นใหม่

Seiko “King Seiko SJE091”

กลไกอัตโนมัติ (คาลิบเอร์ 6L35), ทับทิม 26 เม็ด, ความถี่ในการทำงาน 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง, พลังงานสำรองประมาณ 45 ชั่วโมง, ตัวเรือนสแตนเลสสตีล (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 38.6 มิลลิเมตร, หนา 10.7 มิลลิเมตร) ความสามารถกันน้ำ 50 เมตร

หลังจากเปิดตัวนาฬิการุ่นแรกพร้อมหน้าปัดที่มีให้เลือก 5 สี ในปี 2023 Seiko เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่มีกลไกซึ่งสามารถสำรองพลังงานได้ประมาณ 72 ชั่วโมง ตามด้วยนาฬิการุ่นใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ SJE089 และ SJE091 ที่มาพร้อมกับกลไกอัตโนมัติแบบเพรียวบางในรหัส 6L35 โดยมีรูปทรงที่โดดเด่นยิ่งขึ้น เพราะสะท้อนถึงรูปทรงของ KSK ออกมาได้อย่างชัดเจน

หนึ่งในแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนาฬิกาข้อมือแบบจักรกลของ Seiko มาโดยตลอด

เหตุใดการคืนชีพของ King Seiko จึงทำให้ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกามีความตื่นเต้นถึงขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อรวมกับ Grand Seiko แล้ว ชื่อของ King Seiko เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในแบรนด์ที่ขับเคลื่อนนาฬิกาข้อมือแบบจักรกลของ Seiko ไปสู่ความสำเร็จนับตั้งแต่เริ่มทำตลาดในปี 1960

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น Seiko ผ่านช่วงแห่งความวุ่นวายหลังสงครามโลกและเข้าสู่ทศวรรษ 1950 โดยที่กำลังการผลิตของแบรนด์มาถึงจุดสูงสุดอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความสำเร็จครั้งนี้ คือ Daini Seikosha (ซึ่งก็คือบริษัท Seiko Instruments ในปัจจุบัน ธุรกิจนาฬิกาถูกโอนไปยัง Seiko Watch Corporation ในเดือนเมษายน 2020) ซึ่งก่อตั้งในเมืองคาเมโดะ โตเกียว ในปี 1937

ในขณะนั้น โรงงานคาเมโดะมีหน้าที่หลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้หญิง แต่ในปี 1958 ได้พัฒนา Cronos นาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกแห่งยุค ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ถึง 2 ครั้งในเวลาเพียงปีเดียว Cronos จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกา Seiko ให้ก้าวหน้า


KSK เปิดตัวครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงในปี 1965 พร้อมรูปทรงที่สุดประนีตที่ปรับปรุงมาจากรุ่น King Seiko Chronometer หรือ KSCM ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ ไม่เฉพาะเรื่องการออกแบบที่ขาสายที่มีความประณีตเพิ่มมากขึ้น แต่ในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับกลไกที่สามารถหยุดเข็มวินาทีได้ โดยติดตั้งกลไกไขลาน (Cal.44A) มี 25 ทับทิม เดินด้วยความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง ตัวเรือนสแตนเลสสตีล (เส้นผ่านศูนย์กลาง 36.7 มิลลิเมตร และหนา 10.9 มิลลิเมตร)

จุดสุดยอดคือ การผลิต King Seiko ซึ่งเปิดตัวโดย Daini Seikosha ในปี 1961 และด้วยประสบการณ์ในการผลิตนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีของโรงงานคาเมะโด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โรงงานแห่งนี้จะมีความเชี่ยวชาญศิลปะในการสร้างรูปทรงภายนอกอันงดงาม ด้วยทักษะที่เหนือกว่าและแนวคิดที่ชัดเจนในการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือคุณภาพสูง เพื่อส่งต่อให้กับผู้คนจำนวนมาก ชื่อของ King Seiko จึงได้เปิดตัวออกมา

แน่นอนว่าหนทางสู่การผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงแบบจำนวนมากนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะส่งมอบนาฬิกาข้อมือคุณภาพสูงให้กับผู้คนจำนวนมากได้กลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ของทีมผู้ผลิต

ความหลักแหลมของพวกเขาเมื่อต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านต้นทุนการผลิตส่งผลให้นาฬิการุ่นแรกของ King Seiko มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและเรียบง่ายโดยใช้องค์ประกอบเชิงเส้นสายที่ถูกประกอบขึ้นบนตัวเรือน ลักษณะที่ปรากฏนี้ได้รับการยืนยันจากผลตอบรับของลูกค้า และนำไปสู่การผลิตนาฬิการุ่นที่ 2 ตามมา นั่นคือ KSK

นิตยสาร SEIKO NEWS ฉบับเดือนกันยายน 1961 ซึ่งจำหน่ายตามร้านค้าต่างๆ ได้แนะนำ King Seiko ซึ่งออกจำหน่ายในปีนั้น หน้าปกที่มาพร้อมพื้นแบ็คกราวน์ที่มีผ้าลาย Glen Check เป็นพื้นผิวด้านหลัง พร้อมกับของตกแต่งที่จัดวางอย่างประณีต แสดงให้เห็น King Seiko รุ่นแรก คือ การเป็นนาฬิกาที่เน้นการออกแบบในระดับสูงนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก

นาฬิกา King Seiko ที่เปิดตัวในสมัยนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น "การออกแบบที่มีระดับ" ตามวลีนี้ นั่นหมายความว่า King Seiko ซึ่งยังคงรักษาความเที่ยงตรงระดับสูงของกลไก สามารถระบุตำแหน่งของตัวเองในตลาดด้วยการเป็นนาฬิกาข้อมือที่เน้นไปที่การออกแบบสไตล์ และสลักชื่อนี้ไว้ในใจของคนรักนาฬิกาอย่างมั่นคง

งานออกแบบที่ท้าทายครั้งใหม่ที่จะต้องรับมือกับความคาดหวังในยุคใหม่

แม้ว่าความตั้งใจแรกคือการกำหนดให้ KSK ที่เปิดตัวในปี 2021 คือการวางรากฐานในการนำชื่อ King Seiko กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาสำคัญก็คือ ในรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านั้นในแบบผลิตจำกัด คือความตั้งใจที่จะถอดแบบโมเดลดั้งเดิมของ King Seiko ให้มีความสมจริงและทันสมัยมากขึ้น แต่ปรากฏว่า ทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรุ่นดั้งเดิมไม่มีใครอยู่ร่วมงานจนถึงปัจจุบัน ทีมพัฒนาจึงต้องเริ่มวิเคราะห์รุ่นดั้งเดิมใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น และพยายามสร้างขึ้นมาใหม่จนถึงรายละเอียดสุดท้าย


หลักชั่วโมงในตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่ได้รับการเจียระไนอย่างประณีตและมีพื้นผิว พร้อมด้วยลวดลายลายเพชรที่สามารถพบเห็นบนไฟแช็กหรูหรา จะเปล่งประกายเมื่อแสงตกกระทบในมุมที่ต่างกัน ทำให้เกิดความแวววาว ส่วนหลักชั่วโมงในตำแหน่งอื่นๆ ยังมีหลายเหลี่ยมมุมช่วยเน้นรูปลักษณ์แบบ 3 มิติและจำลองรายละเอียดดั้งเดิมอย่างสมจริง

ในขณะที่หลักเวลาในตำแหน่ง 12 นาฬิกาถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ร่องบนพื้นผิวด้านบนจะถูกตัดอย่างประณีตทีละอันเพื่อสร้างลวดลายลายเพชรแบบดั้งเดิม สีของหน้าปัดได้รับการพัฒนาใหม่สำหรับรุ่นผลิตจำกัด รายละเอียดแต่ละข้อเหล่านี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำซ้ำขึ้นมา แต่สิ่งที่ทีมพัฒนาพบว่ายากที่สุดคือ ขาสาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของ KSK

ขาสายของ KSK จะประกอบด้วยพื้นผิวระนาบถึง 4 ส่วนตั้งแต่ด้านบนจนถึงปลาย โดยทั้งหมดตัดกันที่จุดยอดเดียวกัน หากระนาบหนึ่งถูกขัดเงามากเกินไป อีกระนาบก็จะหลุดออกจากแนวเดียวกันกับอีกจุด ดังนั้นการขัดจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมกันของทั้ง 4 ระนาบจะต้องมีความสม่ำเสมอ ทำให้รายละเอียดนี้เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะระดับสูงของช่างฝีมือ

ทีมพัฒนามีมติเป็นเอกฉันท์กล่าวว่า "รายละเอียดที่เป็นลักษณะเฉพาะที่สุดของ KSK" คือรูปร่างอันทรงพลังของขาสายตั้งแต่ด้านบนถึงปลายขา ระนาบทั้งสี่ตัดกันจุดเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องใช้เทคนิคการขัดเงาในระดับสูงสุด โดยไม่มีข้อผิดพลาดในการตกแต่งขั้นสุดท้าย

ในรุ่นผลิตจำกัด แม้จะมุ่งเน้นไปที่รายละเอียดของการนำรายละเอียดดั้งเดิมมาสร้างสรรค์ใหม่ แต่ในรุ่นใหม่ที่เปิดตัวตามออกมาในเวลาต่อมา คือ SJE089 และ SJE091 มีการเติมความทันสมัยเพิ่มเข้ามา โดยจุดเด่นคือสายโลหะที่มีการออกแบบได้อย่างโดดเด่น ซึ่งรุ่นผลิตจำกัดที่เปิดตัวในปี 2021 จะมากับสายหนัง แต่ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้สายโลหะแบบหลายแถวที่อยู่ในรุ่นปกติที่เปิดตัวในปี 2022 ได้

สำหรับตัวสายแม้ว่าจะมีการออกแบบที่อ้างอิงรูปแบบของสายนาฬิกาที่ใช้ใน King Seiko ในปี 1970 แต่ก็มีรูปทรงของข้อสายที่มีสวยงามขึ้นและผลิตจากสแตนเลสสตีลที่มีความแข็งแกร่ง ข้อต่อของสายมีส่วนที่เป็นพื้นที่ระนาบบนหน้าตัดทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับขาสายที่ประกอบด้วยพื้นผิวระนาบหลายส่วนเข้าด้วยกันได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การออกแบบนาฬิกาข้อมือโดยรวมกลมกลืนกัน

ใน King Seiko รุ่นใหม่จะมีสายโลหะแบบหลายแถวถูกเพิ่มเข้ามา บนพื้นที่หน้าตัดด้านบนของทุกข้อต่อของสายจะเป็นแบบแบนราบและมีการขัดแต่ง ซึ่งประสานกับองค์ประกอบเชิงเส้นที่เห็นในส่วนต่างๆ ของนาฬิกาข้อมือ การออกแบบที่ได้นั้น แม้ดูแล้วอาจไม่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็ให้สัมผัสที่ดูย้อนยุคได้เป็นอย่างดี

หน้าปัดได้รับการปรับแต่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยการปรับความยาวของเส้นและความชัดของการขัดบนพื้นผิวของหน้าปัดในขั้นสุดท้าย ดังนั้น หน้าปัดสีเงินของรุ่น SJE089 จึงมีลวดลายแบบซันเรย์ ซึ่งให้สัมผัสที่มีความประณีตและนุ่มนวลยิ่งขึ้น รวมถึงคุณภาพในระดับสูงที่สัมผัสได้

สำหรับ SJE091 หน้าปัดสีดำใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้รู้สึกความลึกและความมีมิติบหน้าปัดนาฬิกา ซึ่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่เฉียบคมของการออกแบบตัวเรือน หน้าปัดจะมีเฉดสีฟ้าเล็กน้อยภายใต้แสงแดด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นถูกออกแบบโดยสะท้อนถึงกลิ่นอายของบรรยากาศที่สามารถสัมผัสได้ในเรื่องนวัตกรรมและการใช้ชีวิตของคนเมือง

เข็มที่กว้างและยาวถือเป็นอีกรายละเอียดที่นำมาจาก KSK หน้าปัดสีเงินมีการขัดแต่งที่ให้สัมผัสที่ดูนุ่มนวล ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับ King Seiko รุ่นใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะคงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของรุ่นดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดของความทันสมัยสอดแทรกเข้าไปด้วย

ตัวเรือนมีรูปลักษณ์ทรงพลังเหมือนกับ KSK รุ่นดั้งเดิม โดยมากับตัวเรือนที่มีความชัดเจนในเรื่องของความเป็นแบบ 3 มิติ แต่กลับมีความหนาน้อยกว่ารุ่นดั้งเดิมที่ใช้กลไกแบบไขลานถึง 0.2 มิลลิเมตร ซึ่งนี่คือผลลัพธ์ของการออกแบบระบบการขึ้นลานอัตโนมัติในกลไก 6L35 ซึ่งถือเป็นกลไกอัตโนมัติที่บางที่สุดของ Seiko ในปัจจุบัน

ในขณะที่รุ่นปี 2021 ทำกระจกนาฬิการูปทรงยกสูงและมีความหนาเพื่อให้บรรยากาศของยุควินเทจ แต่ SJE089 และ SJE091 ใช้กระจกแบบบางจึงทำให้มีสัดส่วนที่บางกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นดั้งเดิม

ด้านข้างตัวเรือนเป็นไปตามสไตล์ดั้งเดิมทั้งรูปทรงและกระจกนาฬิกาแบบแบน อย่างไรก็ตาม ความหนาโดยรวมอยู่ที่ 10.7 มิลลิเมตร ด้วยการทำให้กระจกนาฬิกาคริสตัลแซฟไฟร์บางลง เพื่อลดโอกาสที่จะเกี่ยวกับแขนเสื้อ และให้สัมผัสที่สบายเมื่ออยู่บนข้อมือ

ต้องขอบคุณความเฉลียวฉลาดในเชิงสร้างสรรค์ของทีมผู้ผลิตในยุคนั้น King Seiko จึงมีดีไซน์แบบมินิมอลที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ด้วยการใช้องค์ประกอบเชิงเส้น เช่น หลักชั่วโมงในแบบ 3 มิติ และขาสายที่มีโครงสร้างหลายแบบซึ่งรวมเข้ากับสายนาฬิกาแบบหลายแถวสไตล์ใหม่ที่เน้นระนาบแบน ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความคมชัดอย่างแท้จริง และชวนให้นึกถึงเส้นสายที่อยู่บนสถาปัตยกรรมยุคใหม่

สัญลักษณ์ King Seiko เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงเมื่อมีการผลิตนาฬิการุ่นปกติ ด้วยการลดองค์ประกอบและเน้นการออกแบบโล่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยสอดคล้องกับตัวนาฬิกา

เช่นเดียวกับงานสถาปัตยกรรมจำนวนมากที่ได้รับการออกแบบในศตวรรษที่ 20 และรุ่นต่อมา ซึ่งยังคงเป็นที่ชื่นชอบในยุคหลัง เราควรคาดหวังได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่ารูปลักษณ์ที่เฉียบคมและองค์ประกอบที่จัดวางอย่างมีเหตุและผลบนตัวเรือนของ King Seiko รุ่นใหม่จะได้รับความสนใจและการตอบรับของคนรักนาฬิกาที่ชื่นชอบและมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการออกแบบ