ไซโกรุ่นคลาสสิกจากปี 1968 ถือกำเนิดใหม่และหวนคืนสู่ทวีปแอนตาร์กติก
นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของไซโกและของประเทศญี่ปุ่น ถือกำเนิดขึ้นในปี 1965 ด้วยความสามารถกันน้ำได้ที่ 150 เมตร และขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมและความน่าเชื่อถือ จากการใช้งานจริงบนข้อมือของสมาชิกการสำรวจแอนตาร์กติกของประเทศญี่ปุ่น (Japanese Antarctic Research Expedition) ครั้งที่ 8 ในปี 1966 จากการตอบรับเชิงบวกของสมาชิกที่เดินทางกลับมาจากการสำรวจ นาฬิกดำน้ำของ Seiko จึงได้รับการคัดเลือกจากทีมวิจัยเดียวกันอีกครั้งระหว่างปี 1966 - 1969 ในช่วงเวลาดังกล่าว นาฬิกาดำน้ำของไซโกที่มีความสามารถกันน้ำได้ 300 เมตร พร้อมการทำงานของระบบอัตโนมัติความถี่ 10 บีท ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1968
วันนี้ไซโกนำเสนอคอลเลคชั่น พรอสเป็กซ์ (Prospex) ที่ได้รับการตีความใหม่จากนาฬิกาดำน้ำในปี 1968 ที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในสภาวะสุดโหดที่รุนแรงที่สุดในโลก นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมคุณสมบัติการทำงานขั้นสูง และจะสวมใส่โดยสมาชิกทีมสำรวจแอนตาร์กติกของประเทศญี่ปุ่น ในการสำรวจครั้งที่ 63 ที่ทวีปแอนตาร์กติกา
การออกแบบที่เป็นมรดกสืบทอดผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูงสุด
แม้ว่าการออกแบบจะสะท้อนถึงมรดกอันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดกันมา แต่ในทุกแง่มุมของการสร้างสรรค์ผลงานใหม่นี้ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีขั้นสูงสุดในการผลิตนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำที่มีชื่อเสียงของคอลเลคชั่น Prospex ตัวเรือน ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยม ผลิตจาก Ever-Brilliant Steel ของไซโก สเตนเลสสตีลเกรดใหม่* ที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าสตีลที่ใช้ในนาฬิกาในปัจจุบัน* เพื่อให้มั่นใจถึงความทนทานขอนาฬิกามากยิ่งขึ้น เม็ดมะยมจึงไม่ถูกขันเข้ากับตัวเรือนโดยตรง แต่ถูกล็อกในส่วนประกอบที่แยกจากกัน ซึ่งมีอยู่ในตัวเรือน จึงสามารถเปลี่ยนทดแทนได้ง่ายขึ้น
*วัสดุนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในส่วนพื้นผิวของโครงสร้างเรือเดินทะเล เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูงในน้ำทะเล และมีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) หรือค่าเทียบเท่าความต้านทานการกัดกร่อนแบบรูเข็มที่สูงกว่าเหล็กที่ใช้ในนาฬิการะดับสูงทั่วไปเกือบ 1.7 เท่า ค่า PREN
เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการวัดค่าความต้านทานต่อการกัดกร่อน
นาฬิกาขับเคลื่อนด้วยชุดกลไก คาลิเบอร์ 8L35 ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับนาฬิกาดำน้ำโดยเฉพาะ และประกอบขึ้นด้วยมือโดยช่างฝีมือทั้งชายและหญิงที่ ชิซูกูอิชิ วอทช์ สตูดิโอ (Shizukuishi Watch Studio) ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ความแข็งแกร่งและความแม่นยำของกลไก ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในสภาวะแวดล้อมที่มีความท้าทายสูงสุด ทั้งบนพื้นดินและใต้น้ำ
หน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแผ่นน้ำแข็งอันตระการตาของทวีปแอนตาร์กติก
พื้นหน้าปัดเด่นด้วยลวดลายที่สื่อถึงภูมิทัศน์ของทวีปแอนตาร์กติก ในขณะที่การไล่ระดับสีน้ำเงินจากอ่อนไปจนถึงเข้ม สะท้อนสีสันที่สวยงามชวนตะลึงของน้ำแข็งขั้วโลก ขอบตัวเรือนยังตอกย้ำเอกลักษณ์ของภูมิประเทศที่เย็นยะเยือกนี้ด้วยตัวเลขและเครื่องหมายสีน้ำเงินไอซ์บลู หลักชั่วโมงทั้ง 12 ตำแหน่งเคลือบสารเรืองแสงลูมิไบร์ท (Lumibrite) เช่นเดียวกับเข็มนาฬิกา และกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้งคู่ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนที่พื้นผิวด้านใน เพื่อให้การอ่านค่าได้ชัดเจนในทุกองศา
การออกแบบและพื้นผิวของสายนาฬิกาแสดงถึงความเคารพต่อผลงานรุ่นดั้งเดิมในปี 1968 แต่รุ่นปัจจุบันผลิตจากซิลิโคนเพื่อความแข็งแรงและความสบายที่มากขึ้นเมื่อสวมบนข้อมือ นาฬิกายังมาพร้อมสายผ้าที่รวมเทคนิคการถักทอแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า เซชู (Seichu) แน่นอนว่า สายนาฬิกาเซชูนั้นมีความแข็งแรงและทนทานต่อการเสื่อมสภาพที่เกิดจากการโดนแสงแสงเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นไปตามความต้องการในมาตรฐานสูงสุดของนาฬิกาดำน้ำไซโก Prospex
ซีรีส์นาฬิกา Prospex Save the Ocean
นาฬิการุ่นใหม่นี้จะเข้าร่วมในซีรีส์ของ ไซโก พรอสเป็กซ์ เซฟ ดิ โอเชึ่ยน (Seiko Prospex Save the Ocean) เพื่อสนับสนุนการริเริ่มด้านการอนุรักษ์ทางทะเลในหลายโครงการ หนึ่งในนั้นเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับสถาบันแห่งชาติเพื่อการวิจัยขั้วโลก (National Institute of Polar Research) ที่ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ Seiko ได้บริจาคนาฬิกาให้กับทีมสำรวจ Japanese Antarctic Research Expedition (JARE) ครั้งที่ 63 ไปเมื่อเร็วๆ นี้
นาฬิกาดำน้ำ Prospex รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 1,300 เรือนที่บูติกไซโกและพันธมิตรร้านค้าปลีกที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลกในเดือนมกราคม 2022
Seiko Prospex 1968 Diver's Modern Re-interpretation
Save the Ocean Limited Edition
คาลิเบอร์ 8L35
ระบบขับเคลื่อน: อัตโนมัติ
ความถี่: 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (8 ครั้งต่อวินาที)
พลังงานสำรอง: 50 ชั่วโมง
จำนวนทับทิม: 26
ข้อมูลทางเทคนิค
ตัวเรือนและขอบตัวเรือนผลิตจาก Ever-Brilliant Steel
กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้งคู่ พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนพื้นผิวด้านใน
ฝาหลังขันเกลียว เม็ดมะยมขันเกลียว
เคลือบสารเรืองแสง ลูมิไบร์ท บนชุดเข็มและขีดเครื่องหมาย
ความสามารถกันน้ำ: 200 เมตร สำหรับดำน้ำ
ความสามารถป้องกันสนามแม่เหล็ก: 4,800 แอมแปร์ต่อเมตร
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน 42.6 มิลลิเมตร, หนา: 13.1 มิลลิเมตร
สายซิลิโคน พร้อมทางเลือกกับสายผ้า
ราคา 180,000 บาท
ผลิตจำนวนจำกัด 1,300 เรือน